วันที่ 11 มีนาคม 2563 องค์การอนามัยโลก WHO ประกาศให้โรคติดเชื้อCOVID- 19 เป็นการระบาดใหญ่ทั่วโลก ซึ่งในขณะนี้มียอดผู้ติดเพิ ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราจึงต้องให้ความสำคัญกับก ารระบาดให้มากขึ้น
1. สังเกตอาการของตัวเอง อาการของโรค COVID-19 นั้นจะเริ่มจากมีไข้ ไอ และหายใจติดขัด ซึ่งหากผู้ใดพบว่าตัวเองมีอ าการดังกล่าวก็ควรพบแพทย์ทั นที ขณะเดียวกันก็ต้องสวมหน้ากา กอนามัยเพื่อไม่ไปแพร่เชื้อ ให้กับผู้อื่น และพยายามอยู่ห่างจากผู้อื่ นเป็นระยะ 2 เมตร
2. ปิดปากและจมูกทุกครั้งที่ไอ จามด้วยกระดาษเช็ดหน้า หรือจามใส่ข้อพับต้นแขนด้าน ใน ทิ้งกระดาษเช็ดหน้าที่ใช้งา นแล้วลงในถังขยะที่มีฝาปิดท ันที ตามด้วยการล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลล้างมือแอลกอฮอล์
3. ทำงาน / เรียน ที่บ้าน จะช่วยให้เราไม่ต้องออกไปเจอใ คร ทำให้ลดแพร่ระบาดของไวรัสไป ได้มาก แต่เมื่อเราจะเปลี่ยนรูปแบบ การทำงาน จากที่ทำงานไปที่บ้านนั้น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูง สุด การเตรียมความพร้อม Work / Study from home ให้ดี
4. ในระหว่างการทำงาน หรือเรียน ที่บ้านตามมาตรการในข้อ 3 ที่พักอาศัยต้องได้รับการทำ ความสะอาด โดยเฉพาะจุดที่ร่างกายสัมผั สบ่อยๆ เช่นเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ส่วนตัว พื้นผิวต่างๆที่สัมผัสบ่อย ให้สะอาดเพื่อลดการสะสมของเ ชื้อโรค
5. หลีกเลี่ยงการกินอาหารร่วมก ัน ด้วยจานชามช้อนส้อมเดียวกัน ถ้าเป็นไปได้ควรจะกินแบบแยก สำรับใครสำรับมัน และมีช้อนส้อมเป็นของตนเอง ไม่ตักอาหารหรือใช้มือหยิบอ าหารร่วมจานเดียวกัน
6. หลีกเลี่ยงการไปในที่ชุมชน เพราะโรค COVID-19 มีการแพร่ระบาดจากคนสู่คน และมีความเสี่ยงสูงหากเราพา ตัวเองไปอยู่ในที่แออัดหรือ มีผู้คนอยู่รวมกันเป็นจำนวน มาก ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่ มีผู้คนอยู่รวมกันเป็นจำนวน มาก เช่น คอนเสิร์ต กีฬา หรือการทำกิจกรรมทางศาสนา เป็นต้น
7. เมื่อใช้หน้ากากอนามัยเสร็จ แล้ว วิธีการเก็บทิ้งคือ พับหน้ากากอนามัยม้วนใส่ถุง ที่ปิดสนิท และล้างมือให้สะอาดอีกครั้ง หลังจากสัมผัสกับถุงขยะ
8. ล้างมือด้วยสบู่เป็นวิธีการ ทำความสะอาดมือที่ดีที่สุด เช่นเดียวกับการไม่สัมผัสใบ หน้า (จมูก ปาก หรือตา) ปิดปากทุกครั้งที่ไอหรือจาม ด้วยข้อศอก เพราะการใช้มือปิดปากทำให้เ กิดการแพร่เชื้อสู่คนอื่นได ้ง่าย ทั้งนี้ ก็ต้องดูแลตัวเองด้วยการนอน หลับให้เพียงพอและทานอาหารท ี่มีประโยชน์
อาการรุนแรงที่สุดที่พบจากโ คโรนาไวรัส คืออาการปอดอักเสบอันนำไปสู ่การเสียชีวิต ความรุนแรงของโรคแตกต่างกัน ตามความแข็งแรงของแต่ละคน เด็กอายุน้อย และวัยรุ่นจะมีอาการน้อยกว่ าผู้สูงอายุ ผู้ที่เสียชีวิตเกือบทั้งหม ดเป็นผู้สูงอายุ และมักมีโรคประจำตัวเกี่ยวก ับปอด หรือ โรคหัวใจ มีวิธีการสังเกตอาการดังนี้
ไข้ – มีไข้สูงมากกว่า 37.5 องศาเซลเซียส
ไอ จาม เสมหะ – ไอ มีเสมหะ เจ็บคอ นานติดต่อกันมากกว่า 4 วัน เริ่มมีเลือดปนเสมหะ
ถ่ายเหลว ท้องเสีย – บางรายมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ร่วมด้วย
การหายใจ – หายใจลำบากมีไอร่วมด้วย ในบางรายที่อาการรุนแรงปอดอ ักเสบ หรือปอดบวม
อาการปวดเมื่อย – ปวดเมื่อยตามตัว ทานอาหารไม่ค่อยได้
สายด่วนกรมควบคุมโรค : 1422
Continue Reading
ข่าวในหมวด
ศูนย์พิพิธภัณฑ์ฯ ร่วมให้บริการวิชาการในมหกรรม KKU CSV 2567
ศูนย์พิพิธภัณฑ์ฯ ชนะรางวัล “Popular Vote” สื่อวีดีโอขั้นตอนการทำ “สัตว์ดองใส”
มาตรฐานห้องน้ำสาธารณะเพื่อการท่องเที่ยว ประจำปี พ.ศ. 2567